Select Page

รู้จักวัคซีนภูมิแพ้ชนิดอมใต้ลิ้น

Oct 15, 2020 | อ่านบทความทั้งหมด, บทความสุขภาพ, บทความล่าสุด

🔸บทความทางการแพทย์

วัคซีนภูมิแพ้ชนิดอมใต้ลิ้น (Sublingual Immunotherapy, SLIT) เป็นวิธีการรักษาภูมิแพ้โดยการให้คนไข้อมวัคซีนภูมิแพ้ใต้ลิ้นทุกวัน อย่างต่อเนื่องจนครบ 3-5 ปี เพื่อปรับเปลี่ยนภูมิคุ้มกันของร่างกายให้หายจากการเป็นภูมิแพ้จนสามารถหยุดยาต่างๆได้  โดยปัจจุบันนี้วัคซีนภูมิแพ้ชนิดอมใต้ลิ้น มี 2 ชนิด

1. วัคซีนแบบน้ำ สามารถให้ได้ในผู้ป่วยเด็กที่อายุตั้งแต่5ปีขึ้นไป โดยเริ่มที่ ความเข้ม 1: 100 เริ่มที่ 1หยดอมใต้ลิ้นนาน 5 นาที ทุกวันต่อเนื่องและค่อยๆเพิ่มปริมาณครั้งละ 1หยด ต่อเนื่องอย่างน้อย 14วันหรือจนอาการดีคงที่ และเพิ่มจนถึง ครั้งละ 5หยดต่อวัน แล้วปรับความเข้มขึ้น ตามลำดับ เป็น 1:50, 1:20, 1:10 และ 1:5 จนอาการดีขึ้น แล้วปรับลดความถี่ของการอมยา เหลือ 3-4ครั้งต่อสัปดาห์ จนครบ3ปี

2. วัคซีนภูมิแพ้แบบเม็ด (Acarizax) อมใต้ลิ้นทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 3 ปี สำหรับผู้ป่วยที่แพ้ไรฝุ่นที่มีอายุมากกว่า 12ปีขึ้นไป ในระหว่างการรักษา หากผู้ป่วยมีแผลในปาก, ถอนฟัน, ได้รับการผ่าตัดในช่องปากจะต้องหยุดการอวัคซีนภูมิแพ้จนกว่าอาการจะดีขึ้น

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของวัคซีนภูมิแพ้ชนิดอมใต้ลิ้นค่อนข้างน้อย และไม่รุนแรง ส่วนใหญ่เป็นผลข้างเคียงเฉพาะที่ ได้แก่ คันเพดานปาก, ริมฝีปากบวม, คัดจมูก , คันจมูก, คันตา ซึ่งหากมีอาการดังกล่าว แพทย์จะแนะนำให้ทานยาบรรเทาอาการร่วมด้วย โอกาสที่จะมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น หอบหืดกำเริบ, แพ้รุนแรง ค่อนข้างน้อยมาก อย่างไรก็ตามในการเริ่มวัคซีนครั้งแรกควรทำที่โรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการใกล้ชิดและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว

การประเมินผลของการรักษา

แพทย์จะนัดติดตามอาการเป็นระยะเพื่อปรับการใช้ยาให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายและติดตามผลข้างเคียงทีอาจเกิดขึ้น มีการตรวจเลือดและทำทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังซ้ำหลังเริ่มวัคซีนครบ1ปี, 2ปีและ3ปี เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินประสิทธิภาพของการรักษาและพิจารณาก่อนหยุดวัคซีนภูมิแพ้ กรณีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้ครบ1ปีแล้วอาการผู้ป่วยไม่ดีขึ้น แสดงว่าไม่ตอบสนองต่อการรักษาและอาจมีความจำเป็นต้องหยุดวัคซีนภูมิแพ้