Select Page

🔸บทความทางการแพทย์

ฟันปลอมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1. ฟันปลอมชนิดถอดได้ แบ่งได้ 2 แบบ

  • ฟันปลอมแบบใส่ได้ทั้งปาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องสูญเสียฟันแท้หมดทั้งปาก ทั้งฟันบนและล่าง โดยฟันปลอมเป็นฐานอะคริลิคสีเหมือนเหงือก ซึ่งทันตแพทย์จะพิมพ์ปากคนไข้ และนำไปทำฟันปลอมในห้องปฏิบัติการทันตกรรม ซึ่งการทำฟันปลอมชนิดนี้จะใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าที่คนไข้จะได้รับฟันปลอมแต่ฟันปลอมจะแนบสนิทดีกับเหงือกในช่องปากคนไข้ ซึ่งคนไข้จะต้องทนไม่มีฟันเคี้ยวอาหารไปหลายเดือน แต่ถ้าไม่อยากรอก็สามารถทำฟันปลอมแบบ immediate dentist ได้ แต่ข้อเสีย คือ เป็นเพียงกระดูกที่รองรับฟันจะมีการเปลี่ยนแปลงและฟันปลอมหลวม และคนไข้ต้องมาทำฟันปลอมใหม่ในภายหลัง
  • ฟันปลอมแบบใส่บางชิ้น เหมาะสำหรับคนไข้ที่สูญเสียฟันไปบางซี่เท่านั้น แต่ยังมีฟันแท้เหลืออยู่ แบ่งเป็น 2 แบบคือ ฐานอะคอย่างริลิค และฐานโลหะ โดยฐานอะคริลิคจะเป็นราคาถูกกว่า สามารถเติมฟันได้แต่จะใหญ่และหนากว่าและตกแตกง่าย ฐานโลหะจะแข็งแรงกว่าบางกว่านอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีตะข้อสีเหมือนฟัน + ฟันปลอมแบบฐานยืดหยุ่น (Flexible dentist) ซึ่งทำจากวัสดุโพลิเมอร์ ยืดหยุ่นได้ ตกไม่แตก แต่ข้อเสียคือ เติมฟันไม่ได้

2. ฟันปลอมชนิดติดแน่น แบ่งเป็น

2.1 สะพานฟัน คือ การใช้ฟันแท้ข้างเคียงเป็นหลักยึดโดยต้องกรอฟันธรรมชาติ

2.2 รากฟันเทียม คือ การฝังรากฟันเทียมลงไปตำแหน่งที่ฟันแท้ถูกถอนไป รอ 2-4 เดือน แล้วจะครอบฟันบนรากฟันเทียมซี่นั้นๆ

หากไม่ใส่ฟันปลอมจะส่งผลเสียอะไรบ้าง

  1. ฟันปลอมเปรียบเสมือนฟันชุดที่ 3 รองจกฟันน้ำนมและฟันแท้ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่ต้องการถอนฟันออกหรือมีฟันไม่ครบ เพราะการมีช่องว่างระหว่างฟันแล้วไม่ใส่ฟันปลอมจะส่งผลให้ฟันที่อยู่ข้างเคียง ล้ม หรือเอียง และทำให้ฟันคู่สบยื่นยาวได้
  2. ทำให้การสบฟันผิดปกติ ส่งผลให้โครงสร้างของใบหน้าผิดรูปไปจากเดิม การไม่ใส่ฟันปลอมยังทำให้เหงือกอักเสบ เพราะเศษอาหารอาจจะมาแทรกเหงือกบริเสณที่ฟันหลุดออกไป
  3. เสี่ยงต่อการฟันผุเพราะมีเศษอาหารติดอยู่บริเวณซอกเหงือก
  4. ทำให้การเคี้ยวอาหารไม่มีประสิทธิภาพเพราะคนที่มีฟันมีช่องว่า และไม่ใส่ฟันปลอมมักจะเคี้ยวอาหารเพียงข้างเดียวทำให้บดเคี้ยวไม่ละเอียดเกิดความเมื่อยล้าบริเวณกรามและกระเพาะอาหารทำงานหนัก
  5. พูดไม่ชัดในกรณีที่ฟันด้านหน้าหลุดส่งผลต่อการประกอบอาชีพ หน้าที่การงานและที่สำคัญไม่หย่อนไปกว่ากันคือทำให้เสียบุคลิกหมดความมั่นใจไม่กล้าส่งรอยยิ้มให้ใคร

ดูแลป้องกันฟันสวยและแข็งแรง

  1. แปรงฟันให้สะอาดและควรแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งเช้า-เย็น และควรใช้ไหมขัดฟันช่วย เพราะการแปรงฟันจะสามารถทำความสะอาดได้เพียงแค่ด้านหน้าและด้านบน แต่ระหว่าซอกฟันแปรงไม่สามารถเข้าไปทำความสะอาดได้
  2. ในกรณีที่อายุเริ่มมากขึ้นมีอาการเหงือกร่นลงไปในช่องระหว่างซอกฟันใหญ่การใช้ไหนขัดฟันอาจจะยังไม่เพียงพอ ต้องใช้แปรงสำหรับแปรงซอกฟันขนาดเล็ก

ทพ. รักเกียรติ การุญะกิจ 

ทันตกรรมประดิษฐ์, ทันตกรรมทั่วไป