ไวรัส RSV ไวรัสอันตรายต่อลูกน้อยและคุณตาคุณยาย
แชร์ :
23 June 2568

ไวรัส RSV

ไวรัส RSV คืออะไร? เกิดจากอะไร? 

RSV (Respiratory Syncytial Virus) คือไวรัสชนิดมีเปลือกหุ้มที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง มักพบในเด็กเล็กรวมไปถึงผู้สูงอายุทั่วโลก มีสองสายพันธุ์ด้วยกันได้แก่ RSV-A และ RSV-B โดยพบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝนหรือฤดูฝนต้นหนาว ร่างกายของเราสามารถสร้างภูมิคุ้มกันไวรัส RSV หลังการติดเชื้อ แต่ภูมิคุ้มกันนี้ไม่สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต เป็นเหตุให้สามารถติดเชื้อไวรัส RSV ซ้ำได้หลายครั้ง

อาการของการติดไวรัส RSV มีอะไรบ้าง? ติดต่อจากอะไร?

หลังผ่านไป 2-8 วัน ผู้ติดเชื้อไวรัส RSV มักจะเริ่มแสดงอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไอ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก หากอาการโรคลุกลามสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง อาการจะเริ่มทรุดหนัก ควรรีบเข้าพบแพทย์หากเกิดอาการดังต่อไปนี้

  • ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส

  • ไอแรงจนอาเจียน

  • หอบเหนื่อย หายใจเร็วจนชายโครงหรืออกบุ๋ม

  • หายใจออกลำบากหรือหายใจมีเสียงหวีด

  • เกิดเสียงครืดคราดในลำคอ

  • เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หลอดลมฝอยอักเสบและปอดอักเสบ

  • ไม่สามารถทานอาหารหรือนมได้

  • ซึม

การติดต่อของเชื้อไวรัส RSV สามารถติดต่อได้จากการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วย RSV เช่น น้ำมูก น้ำลายหรือการสัมผัสพื้นผิว สิ่งของที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น ของเล่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ทั้งนี้เชื้อไวรัส RSV สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถติดอยู่บนมือของเราได้นานถึง 30 นาที 

กลุ่มเสี่ยงของไวรัส RSV และวิธีการป้องกัน

สำหรับผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถหายเองได้ใน 1-2 สัปดาห์ หากผู้ติดเชื้อไวรัส RSV เป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยง อาจพบอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตได้ เนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลว 

โดยกลุ่มเสี่ยงติดโรค RSV มีดังนี้

  • ทารกคลอดก่อนกำหนดอายุไม่เกิน 12 เดือน

  • เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี

  • ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

  • ผู้ใหญ่อายุระหว่าง 50- 59 ปี ที่มีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ

  • ผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ

ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ RSV โดยตรง การรักษามักมุ่งเน้นไปที่การรักษาตามอาการ การป้องกันการติดเชื้อแต่แรกจึงเป็นส่วนที่ควรให้ความสำคัญ เราสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV ได้โดย

  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ

  • ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่และน้ำสะอาด ควรสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการล้างมือที่ถูกต้องตั้งแต่เล็ก ๆ

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด

  • ผู้ป่วยควรรักษาตัวให้หาย ลดการออกนอกบ้านในช่วงที่ไม่สบายเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ

  • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส RSV ในผู้ใหญ่หรือรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปสำหรับเด็ก

นอกจากนี้ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์อายุ 24 - 36 สัปดาห์ วัคซีนยังช่วยส่งต่อภูมิคุ้มกันให้เด็กจนถึงหลังคลอดได้ 6 เดือนอีกด้วย

บริการจากโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

ปัจจุบันโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนมีบริการป้องกันไวรัส RSV อยู่ 2 บริการด้วยกัน ได้แก่

  1. ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab สำหรับเด็ก เหมาะสำหรับกลุ่มเสี่ยงอย่าง ทารกคลอดก่อนกำหนดอายุไม่เกิน 12 เดือน, เด็กที่มีโรคหัวใจแต่กำเนิดและเด็กที่มีโรคปอดเรื้อรังอายุไม่เกิน 2 ปี โดยวัคซีนมุ่งเน้นไปที่การสร้างภูมิคุ้มกันไวรัส RSV โดยมีประสิทธิภาพในการลดอัตราการเข้ารักษาตัวของกลุ่มเสี่ยงลง

  2. วัคซีนป้องกัน RSV สำหรับผู้ใหญ่ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวหรือกลุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ วัคซีน RSV จะช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัส RSV ลดโอกาสติดเชื้อและความเสี่ยงของโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส RSV 

ขอขอบคุณบทความโดย นพ. ปธิกร ศรีวิทิตกุล

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

แผนกตรวจสุขภาพ ชั้น 2 อาคารหมอแวลส์ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

แผนกสูตินรีเวชกรรม ชั้น 2 อาคารหมอแวลส์ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน

เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-16.00 น.

เสาร์ เวลา 07.00-15.00 น.

อาทิตย์ 07.00-12.00 น.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม, นัดหมายแพทย์ได้ที่

☎ 0-2625-9000, 0-2760-9000 ต่อ 30210, 30211 แผนกตรวจสุขภาพ

02-625-9000 ต่อ 30230, 30231 แผนกสูตินรีเวชกรรม



Admin
โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
© Design By Launchplatform Co,.ltd 2024 ALL RIGHTS RESERVED.